การสอบเทียบบทความ

ลูกตุ้มเครื่องชั่งมีกี่คลาส? รู้จักมาตรฐานน้ำหนักอ้างอิงสำหรับงานสอบเทียบ (Weights Class Overview)

ลูกตุ้มเครื่องชั่ง (Weights) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้สำหรับการตรวจสอบความแม่นยำ และการสอบเทียบ (Calibration) เครื่องชั่งในหลากหลายระดับ ตั้งแต่เครื่องชั่งเชิงพาณิชย์ทั่วไป ไปจนถึงเครื่องชั่งเชิงวิเคราะห์ความละเอียดสูงในห้องปฏิบัติการ การเข้าใจว่าลูกตุ้มเครื่องชั่งมีกี่คลาส และแต่ละคลาสมีคุณสมบัติอย่างไร จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ห้องแล็บ และหน่วยงานราชการ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐานคลาสลูกตุ้ม OIML ตั้งแต่ E1 จนถึง M3 รวมถึงแนวทางการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานสอบเทียบของคุณ

มาตรฐานการแบ่งคลาสลูกตุ้มเครื่องชั่งตาม OIML

OIML (International Organization of Legal Metrology) เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานสากลด้านเครื่องมือวัด โดยแบ่งลูกตุ้มเครื่องชั่งออกเป็นหลายคลาส เพื่อรองรับความแม่นยำและความละเอียดที่แตกต่างกันของเครื่องชั่ง คลาสที่นิยมใช้ประกอบด้วย E1, E2, F1, F2, M1, M2 และ M3 ซึ่งแต่ละคลาสมีค่าความคลาดเคลื่อน (Tolerance) ที่แตกต่างกัน ยิ่งคลาสตัวอักษรอยู่ต้น (เช่น E1) จะยิ่งมีความแม่นยำสูงสุด เหมาะกับเครื่องชั่งระดับไมโครกรัมหรือห้องแล็บมาตรฐาน ISO 17025

ตารางแสดงคลาสลูกตุ้มและค่าความคลาดเคลื่อนโดยประมาณ

คลาสลูกตุ้ม (Class)ค่าความคลาดเคลื่อน (Tolerance)การใช้งานที่เหมาะสมระดับความละเอียดเครื่องชั่ง
E1±0.0005 mgใช้ในห้องปฏิบัติการมาตรฐานสูงสุดไมโครบาลานซ์ (Microbalance)
E2±0.001 mgใช้ในห้องสอบเทียบระดับสูงและงาน ISO 17025เครื่องชั่งวิเคราะห์ละเอียด
F1±0.002 mgใช้ตรวจสอบเครื่องชั่งวิเคราะห์ทั่วไปเครื่องชั่งวิเคราะห์
F2±0.005 mgใช้ตรวจสอบเครื่องชั่งทั่วไปในโรงงานเครื่องชั่งเชิงเทคนิค
M1±0.01 mgใช้ในงานเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมทั่วไปเครื่องชั่งตั้งโต๊ะ
M2±0.05 mgใช้ในงานชั่งสินค้าทั่วไปเครื่องชั่งอุตสาหกรรม
M3±0.1 mgใช้ในงานตลาดหรือโรงงานทั่วไปเครื่องชั่งแบบแพลตฟอร์ม

รายละเอียดของลูกตุ้มแต่ละคลาส

ลูกตุ้มแต่ละคลาสถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความแม่นยำในระดับที่แตกต่างกัน โดยมีข้อกำหนดด้านวัสดุ การผลิต การขัดเงา และการป้องกันการปนเปื้อน เช่น คลาส E1 ต้องทำจากสแตนเลสคุณภาพสูง ปราศจากรอยต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงการดูดซับความชื้น ขณะที่คลาส M3 อาจทำจากเหล็กหล่อหรือทองเหลืองที่มีการเคลือบป้องกันสนิม ตารางต่อไปนี้แสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักของแต่ละคลาสอย่างชัดเจน

ตารางเปรียบเทียบการใช้งานลูกตุ้มแต่ละคลาส

คลาสลูกตุ้มลักษณะการใช้งานตัวอย่างการใช้งานจริง
E1 / E2ใช้ในงานสอบเทียบเครื่องชั่งละเอียดสูงในห้องแล็บมาตรฐานห้องแล็บ ISO 17025, สถาบันมาตรวิทยา
F1 / F2ใช้ตรวจสอบเครื่องชั่งเชิงเทคนิคในโรงงานและศูนย์บริการโรงงานยา อาหาร และเครื่องสำอาง
M1ใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไปหรือชั่งสินค้าทางพาณิชย์โกดังสินค้า ร้านค้าชั่งน้ำหนัก
M2 / M3ใช้ในงานที่ไม่ต้องการความละเอียดสูงมากงานโลจิสติกส์ ตลาด และการชั่งบรรจุภัณฑ์

การเลือกคลาสลูกตุ้มให้เหมาะสมกับงาน

การเลือกคลาสลูกตุ้มที่เหมาะสมมีผลต่อความถูกต้องของการสอบเทียบและความน่าเชื่อถือของผลการชั่งน้ำหนัก โดยหลักการคือ ควรเลือกคลาสลูกตุ้มให้มีความแม่นยำสูงกว่าเครื่องชั่งที่ต้องการสอบเทียบอย่างน้อยหนึ่งระดับ ตัวอย่างเช่น หากเครื่องชั่งมีความละเอียด 0.1 mg ควรใช้ลูกตุ้มคลาส E2 หรือสูงกว่า ในขณะเดียวกัน ต้องพิจารณาสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้น อุณหภูมิ และการสัมผัสจากผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อค่ามาตรฐานของลูกตุ้มได้

การบำรุงรักษาและการสอบเทียบลูกตุ้ม

ลูกตุ้มทุกคลาสจำเป็นต้องได้รับการสอบเทียบ (Calibration) อย่างสม่ำเสมอเพื่อคงความถูกต้อง ระยะเวลาการสอบเทียบขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่จัดเก็บ โดยทั่วไปลูกตุ้มในห้องแล็บควรสอบเทียบทุก 1 ปี ในขณะที่ลูกตุ้มที่ใช้งานภาคสนามอาจต้องตรวจสอบบ่อยขึ้น ควรเก็บลูกตุ้มในตลับป้องกันฝุ่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสด้วยมือเปล่าเพื่อป้องกันความชื้นและคราบไขมัน

ความสำคัญของการเลือกและดูแลลูกตุ้มเครื่องชั่ง

ลูกตุ้มเครื่องชั่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการสอบเทียบและตรวจสอบความแม่นยำของเครื่องชั่งทุกประเภท การเข้าใจถึงคลาสและคุณสมบัติของลูกตุ้มแต่ละระดับช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ได้ผลการชั่งที่เชื่อถือได้ ตรงตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องชั่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการชั่งตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการหรือการชั่งสินค้าในอุตสาหกรรม การเลือกใช้ลูกตุ้มที่ถูกต้อง ย่อมเป็นการลงทุนเพื่อความแม่นยำในระยะยาว

FAQ

1. มาตรฐานคลาสลูกตุ้ม OIML คืออะไร และแบ่งออกเป็นกี่ระดับ?

OIML (International Organization of Legal Metrology) เป็นองค์กรสากลที่กำหนดมาตรฐานเครื่องมือวัด โดยลูกตุ้มเครื่องชั่งถูกแบ่งตามระดับความแม่นยำออกเป็น 7 คลาส ได้แก่ E1, E2, F1, F2, M1, M2 และ M3 E1 คือระดับสูงสุด ใช้กับเครื่องชั่งความละเอียดระดับไมโครบาลานซ์ (Microbalance) M3 คือระดับต่ำสุด ใช้กับเครื่องชั่งเชิงพาณิชย์ทั่วไป การเลือกคลาสที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความละเอียดของเครื่องชั่ง (Readability) และระดับความไม่แน่นอน (Uncertainty) ที่ต้องการควบคุมในการสอบเทียบ.

2. ความแตกต่างทางเทคนิคระหว่างลูกตุ้มคลาส E และคลาส M คืออะไร?

ลูกตุ้มคลาส E (E1/E2) ผลิตจากสแตนเลสเกรดสูง ปราศจากรอยต่อ (Monoblock) เพื่อป้องกันการดูดซับความชื้น และผ่านการขัดเงาแบบ Mirror Finish เพื่อลดการเกาะฝุ่น ในขณะที่คลาส M (M1–M3) มักทำจากเหล็กหล่อหรือทองเหลือง เคลือบป้องกันสนิม แต่มีค่าความคลาดเคลื่อน (Tolerance) สูงกว่า ดังนั้น E-Class จึงเหมาะกับห้องแล็บมาตรฐาน ISO 17025 ส่วน M Class เหมาะกับงานอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การชั่งสินค้าในโกดังหรือโรงงาน.

3. จะเลือกคลาสลูกตุ้มให้เหมาะกับเครื่องชั่งแต่ละประเภทได้อย่างไร?

หลักการคือ ลูกตุ้มต้องมีความแม่นยำสูงกว่าเครื่องชั่งที่ใช้สอบเทียบอย่างน้อยหนึ่งระดับ ตัวอย่างเช่น เครื่องชั่งละเอียด 0.1 mg → ใช้ลูกตุ้ม E2 หรือสูงกว่า เครื่องชั่งเทคนิคทั่วไป (Technical Balance) → ใช้ลูกตุ้ม F1 หรือ F2 เครื่องชั่งอุตสาหกรรม → ใช้ลูกตุ้ม M1–M2 นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยภายนอก เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และแรงลอยตัวของอากาศ (Buoyancy) เพราะอาจทำให้ค่ามาตรฐานของลูกตุ้มเปลี่ยนไปได้.

4. ลูกตุ้มเครื่องชั่งต้องสอบเทียบ (Calibration) บ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการสอบเทียบขึ้นอยู่กับระดับความสำคัญของงานและสภาพแวดล้อมการใช้งาน ห้องแล็บมาตรฐานควรสอบเทียบทุก 12 เดือน ลูกตุ้มที่ใช้ในภาคสนามหรือพื้นที่มีความชื้นสูง ควรตรวจสอบทุก 6 เดือน ทุกครั้งหลังการใช้งานควรทำความสะอาดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ป้องกันฝุ่นและคราบไขมัน ห้ามสัมผัสลูกตุ้มด้วยมือเปล่าโดยตรง เพราะจะเพิ่มความชื้นและมวลบนผิวได้ถึงระดับไมโครกรัม.

5. หากต้องการสอบเทียบลูกตุ้มคลาส E1 ต้องใช้เงื่อนไขใดบ้าง?

ลูกตุ้ม E1 เป็นระดับสูงสุดที่ใช้ตรวจสอบมาตรฐานในระดับ Primary Standard หรือ Mass Reference จำเป็นต้องสอบเทียบในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิ 20 ± 0.5°C และความชื้นสัมพัทธ์ 45–55% RH เครื่องชั่งที่ใช้ต้องเป็น Microbalance ที่มีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 0.001 mg และต้องใช้เครื่องมือเปรียบเทียบแบบ Substitution Method ภายใต้สภาวะควบคุมแรงลอยตัวของอากาศ (Air Density Correction) เพื่อให้ได้ค่าความไม่แน่นอนต่ำกว่า ±0.0002 mg ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะกับห้องแล็บ ISO/IEC 17025.

แชร์โพสต์ :