บทความเครื่องแก้วในห้องแลป

จากเครื่องแก้วสะอาด สู่ผลการทดลองที่แม่นยำ หลักการดูแลที่คุณควรรู้

จากเครื่องแก้วสะอาด สู่ผลการทดลองที่แม่นยำ หลักการดูแลที่คุณควรรู้

การทำงานในห้องปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย งานทดสอบคุณภาพ หรือ การวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามแต่มีผลสำคัญอย่างยิ่งต่อ ความถูกต้องของผลการทดลอง ก็คือ “การทำความสะอาดเครื่องแก้ว”

เครื่องแก้วในห้องแล็บ เช่น บีกเกอร์ (Beaker), ขวดรูปชมพู่ (Erlenmeyer Flask), ปิเปต (Pipette), กระบอกตวง (Graduated Cylinder) ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่สัมผัสโดยตรงกับสารเคมี หากมีคราบหรือสารตกค้างแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้การทดลองผิดพลาด ส่งผลต่อคุณภาพของงานวิจัยหรือแม้แต่ความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้

ทำไมการทำความสะอาดเครื่องแก้วจึงเป็นเรื่องสำคัญในห้องแล็บ?

  • ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน

สารตกค้างที่เหลือจากการทดลองก่อนหน้าอาจทำให้ผลการทดลองครั้งถัดไปคลาดเคลื่อน เช่น น้ำยา pH ที่ไม่ถูกล้างออก อาจส่งผลต่อการวัดความเป็นกรด-ด่าง คราบเกลือหรือกรด สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยากับสารใหม่

  • ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

การล้างไม่สะอาดทำให้สารเคมีเกาะฝังแน่นบนผิวแก้ว เมื่อเวลาผ่านไปอาจกัดกร่อนหรือทำให้เครื่องแก้วขุ่นมัว ส่งผลให้อ่านค่าปริมาตรได้ไม่ชัดเจน

  • เพิ่มความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ

เศษสารเคมีบางชนิดอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงหากปนกับสารตัวใหม่ การล้างทันทีหลังใช้งานจึงช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

ขั้นตอนพื้นฐานในการล้างเครื่องแก้วที่ควรรู้

  • ขั้นตอนมาตรฐานที่ควรปฏิบัติ

กำจัดสารละลายที่เหลือออกให้หมด เทสารเคมีออกจากเครื่องแก้วโดยใช้วิธีที่ถูกต้อง ไม่ควรเทลงท่อน้ำหากเป็นสารอันตราย ต้องทิ้งในภาชนะเฉพาะ ดึงฉลากหรือสติ๊กเกอร์ออก เพื่อป้องกันการสับสนในรอบการใช้งานครั้งถัดไป และช่วยให้ล้างได้สะอาดทั่วถึง ล้างด้วยแปรงและสารทำความสะอาด ใช้แปรงขัดที่เหมาะสมกับขนาดเครื่องแก้ว พร้อมสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาด (Lab Detergent) ล้างด้วยน้ำสะอาด เพื่อล้างคราบฟองสบู่และสิ่งสกปรกออกทั้งหมด ล้างซ้ำด้วยน้ำกลั่น 1–2 ครั้ง หากเครื่องแก้วสะอาด น้ำจะเกาะผิวเป็นแผ่นฟิล์มเรียบเสมอกัน หากยังสกปรก น้ำจะแตกรวมตัวเป็นหยด

เทคนิคทำให้เครื่องแก้วแห้งอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

  • การวางบนราวคว่ำแก้ว

เหมาะกับเครื่องแก้วทั่วไป ให้แห้งเองโดยธรรมชาติ

  • การอบในเตาอบ (Oven Drying)

ใช้ความร้อนอุณหภูมิควบคุม ช่วยให้เครื่องแก้วแห้งเร็ว เหมาะกับเครื่องแก้วที่ต้องการความสะอาดสูง

  • การทำให้แห้งด้วยเปลวไฟ (Flame Drying)

ใช้ตะเกียงบุนเสนไล่ความชื้น เหมาะกับอุปกรณ์เล็ก เช่น หลอดทดลอง

  • การใช้น้ำยา Acetone

ช่วยให้น้ำระเหยเร็วขึ้น เนื่องจากแอซีโตนมีคุณสมบัติระเหยง่าย เหมาะเมื่อเร่งใช้งาน

เคล็ดลับการดูแลเครื่องแก้วพิเศษ: ปิเปต บิวเรต และขวดวัดปริมาตร

ปิเปต (Pipette)

ต้องล้างด้วยเครื่องล้างปิเปตอัตโนมัติหรือล้างน้ำสะอาดไหลผ่านหลายครั้ง ห้ามใช้แปรงเพราะอาจทำให้แก้วแตก

  • กระบอกตวงและขวดวัดปริมาตร

ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดเจือจาง ล้างน้ำกลั่นซ้ำอย่างน้อย 2 รอบ

  • บิวเรต (Burette)

ใช้กรดเจือจาง (เช่น HCl) หรือน้ำยา Cleaning Solution ตรวจสอบว่าก๊อกไม่อุดตัน

ดูแลเครื่องแก้วอย่างไร ให้คงทนและพร้อมใช้งานเสมอ

  1. หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือใช้แปรงที่แข็งเกินไป
  2. แยกเก็บเครื่องแก้วที่สัมผัสกับสารกัดกร่อน เช่น HF
  3. ตรวจสอบรอยร้าวก่อนใช้งานทุกครั้ง
  4. เก็บในที่แห้งและปราศจากฝุ่น

ทำความสะอาดเครื่องแก้วอย่างไรให้ปลอดภัย

  • อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
  1. ถุงมือป้องกันสารเคมี
  2. แว่นตานิรภัย
  3. เสื้อกาวน์
  • การจัดการสารเคมีตกค้าง
  1. แยกประเภทสารเคมี กรด ด่าง ตัวทำละลายอินทรีย์
  2. ทิ้งในถังเก็บของเสียที่เหมาะสม

Key Takeaway

การทำความสะอาดเครื่องแก้วในห้องปฏิบัติการเป็น ขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของผลการทดลอง ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และอายุการใช้งานของอุปกรณ์ การทำตาม หลัก 5 ขั้นตอนมาตรฐาน ตั้งแต่การกำจัดสารเคมี → ล้างด้วยน้ำสะอาดและน้ำกลั่น → ทำให้แห้ง → ตรวจสอบความสะอาด → เก็บอย่างถูกวิธี จะทำให้เครื่องแก้วพร้อมใช้งานทุกครั้งและลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน

My Lab Scale พร้อมดูแลห้องแล็บของคุณ

บริษัท มาย แล็บ สเกล จำกัด จัดจำหน่ายเครื่องแก้วคุณภาพสูง อุปกรณ์ห้องปฏิบัติการ เครื่องมือวัด สารเคมี และบริการสอบเทียบตามมาตรฐาน ISO, FDA เราพร้อมสนับสนุนห้องแล็บของคุณให้มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานสากลในทุกขั้นตอน

FAQ การทำความสะอาดเครื่องแก้วในห้องปฏิบัติการ

Q1: ถ้าเครื่องแก้วมีคราบน้ำมัน ควรทำยังไง?

  • ใช้สารละลายล้างไขมัน เช่น น้ำยาซักฟอกเข้มข้นหรือน้ำยาล้างจานผสมน้ำร้อน
  • หากยังไม่ออก ใช้ ตัวทำละลายอินทรีย์ เช่น อะซีโตน (Acetone) หรือเอทานอล (Ethanol) ช่วยละลายคราบ
  • ห้ามใช้สารที่ทำให้แก้วเป็นรอย เช่น ผงขัด เพราะจะทำให้เกิดรอยและคราบสะสมได้ง่ายขึ้น

Q2: ถ้าเครื่องแก้วมีคราบตะกรันหรือเกลือเกาะแน่น ทำอย่างไร?

  • แช่ในสารละลายกรดเจือจาง เช่น กรดไฮโดรคลอริก (HCl) หรือกรดอะซิติก (Acetic Acid) สักพัก
  • ล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง และตามด้วยน้ำกลั่น
  • ห้ามใช้กรดเข้มข้นทันที เพราะอาจกัดแก้วหรืออันตรายต่อผู้ใช้งาน

Q3: ถ้ามีคราบโปรตีนหรือสารอินทรีย์ ควรล้างด้วยอะไร?

  • ใช้น้ำยาล้างโปรตีนเฉพาะ (เช่น Enzyme Cleaner) หรือผงซักฟอกที่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีน
  • หากยังมีคราบติด ให้ใช้สารออกซิไดซ์อ่อน ๆ เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เจือจาง

Q4: จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำกลั่นทุกครั้งหรือไม่?

  • ถ้าเป็นการทดลองทั่วไป ใช้น้ำประปาล้างตามด้วยน้ำสะอาดเพียงพอแล้ว
  • แต่สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น วิเคราะห์ทางเคมีเชิงปริมาณ (Analytical Chemistry) หรือ HPLC ต้องล้างซ้ำด้วย น้ำกลั่นหรือน้ำปราศจากไอออน (DI water) ทุกครั้ง

Q5: ถ้ารีบใช้งานต่อทันที จะทำให้เครื่องแก้วแห้งเร็วขึ้นได้ยังไง?

  • ใช้ เตาอบ (Oven) ที่ควบคุมอุณหภูมิประมาณ 100–120°C
  • ใช้ ตะเกียงบุนเสน (Flame Drying) สำหรับอุปกรณ์แก้วชิ้นเล็ก

หรือใช้น้ำยา Acetone ชะล้างเพื่อเร่งการระเหย

แชร์โพสต์ :